วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561

บันทึกการเรียนคั้งที่6


บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 6
วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561

คำคม



คุณสมบัติผู้นำตามชื่อ


















โครงสร้างขององค์กรและการจัดระบบบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย

การบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
  • การบริหารสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย มีลักษณะการบริหารเฉพาะตัว โดยที่ต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
  • นโยบาย และยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศของรัฐบาล
  • แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ
  • แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
  • พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
  • หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • ปรัชญา นโยบายและวัตถุประสงค์ของสถานศึกษา
  • ความต้องการของชุมชน


การจัดประเภท และรูปแบบสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในประเทศไทย
1. การจัดแบ่งตามโครงสร้างการบริหารตามขนาด แบ่งเป็น 3 ขนาด คือ
  1) โครงสร้างบริหารสถานศึกษาปฐมวัยขนาดเล็ก
  2) โครงสร้างบริหารสถานศึกษาปฐมวัยขนาดกลาง
  3) โครงสร้างบริหารสถานศึกษาปฐมวัยขนาดใหญ่

การจัดประเภท และรูปแบบสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในประเทศไทย





2. การแบ่งตามรูปแบบตามพระราชบัญญัติการศึกษาชาติ 
(พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 )พ.ศ. 2545 กล่าวไว้ใน มาตรา 15กำหนดการจัดการศึกษา มี 3 รูปแบบ คือ)
  • รูปแบบในระบบโรงเรียน
  • รูปแบบนอกระบบโรงเรียน
  • รูปแบบตามอัธยาศัย

3. รูปแบบการให้บริการแบบใหม่
    คือ การรวมเด็กที่ผิดปกติและเด็กปกติไว้ด้วยกัน โดยเรียกแบบนี้ว่า “Normalization”

หลักในการบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
1. การบริหารงานวิชาการ
  เป็นการบริหารกิจกรรมทุกชนิดในโรงเรียน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงพัฒนาการสอนผู้เรียนให้ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพที่สุด
2. การบริหารงานบุคคลในสถานศึกษาปฐมวัย
  คือ การปฏิบัติการใช้คนให้ทำงาน อย่างมีประสิทธิภาพโดยมีขบวนการต่าง ๆ
3. การบริหารงานธุรการและการเงินในสถานศึกษาปฐมวัย
  - งานธุรการในสถานศึกษา
  - งานการเงินในสถานศึกษาปฐมวัย
  - งานสารบรรณในสถานศึกษาปฐมวัย
  - งานทะเบียนและรายงาน
  - งานรักษาความปลอดภัย
  - งานการเงินและพัสดุ
  - งานพัสดุ
4. การบริหารงานกิจการนักเรียนในสถานศึกษาปฐมวัย 
    คือ การดำเนินงาน เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมในโรงเรียนโดยนักเรียนสมัครใจร่วมกิจกรรมเพื่อพัฒนาตนเอง
5. การบริหารสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาปฐมวัย
    - การบริหารสภาพแวดล้อมทางกายภาพ
    - การบริหารสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมและประสบการณ์

การบริหารสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในยุคปฏิรูป
ความหมาย การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School Based Management)
    คือ การบริหารโดยกระจายอำนาจทางการศึกษาไปยังสถานศึกษาโดยตรงให้มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบและความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากที่สุด
หลักการในการบริหารแบบโรงเรียนเป็นฐาน (School Based Management)
   • หลักการกระจายอำนาจ (Decentralization)
   • หลักการมีส่วนร่วม (Participation or Collaboration Involvement)
   • หลักการคืนอำนาจจัดการศึกษาให้ประชาชน ( Return Power to People)
   • หลักการบริหารตนเอง (Self - managing)
   • หลักการตรวจสอบและถ่วงดุล (Check and Balance)

รูปแบบโรงเรียนที่ใช้การบริหารแบบโรงเรียนเป็นฐาน
   • ผู้บริหารโรงเรียนเป็นหลัก (Administrative Control School Council )
   • บริหารโดยครูเป็นหลัก (Professional Control Council)
   • การบริหารจัดการโดยชุมชนมีบทบาท (Community Control School Council)
   • ครูและชุมชนมีบทบาทหลัก (Professional Community Control School Council)
สรุปการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ( School-Based Management )

   ***การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School-Based Management) เป็นการถ่ายโอนอำนาจจากหน่วยงานไปให้แก่โรงเรียนได้บริหารแบบเบ็ดเสร็จที่โรงเรียนโดยมอบอำนาจการบริหารและจัดการศึกษาให้แก่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งประกอบด้วยผู้ปกครอง  

 องค์กรแห่งการเรียนรู้  
ศาสตร์ทั้ง 5 ขององค์กรแห่งการเรียนรู้
(ปีเตอร์ เอ็ม. เซงเก (Peter M. Senge) )
   • การใฝ่ใจพัฒนาตน (Personal Mastery)
   • รูปแบบของความคิด (Mental Models)
   • วิสัยทัศน์ร่วม (Shared Vision)
   • การเรียนรู้เป็นทีม (Team Learning)
   • การคิดเชิงระบบ (System Thinking)


การบริหารแบบมีส่วนร่วม
สาระสำคัญของการบริหารแบบมีส่วนร่วม
    • การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
    • การมีส่วนร่วมช่วยให้เกิดการยอมรับในเป้าหมาย
    • การมีส่วนร่วมช่วยให้เกิดความสำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบ
ผลดีของการบริหารแบบมีส่วนร่วม
    • สร้างสรรค์ให้มีการระดมกำลังจากบุคคลต่าง ๆ
    • สร้างบรรยากาศและพัฒนาประชาธิปไตยในการทำงาน
    • ช่วยให้ลดความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารกับผู้ปฏิบัติงาน
    • การบริหารแบบมีส่วนร่วม
    • ผลงานที่เกิดขึ้น
    • สร้างความสมดุลระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายปฏิบัติ
ข้อจำกัดของการบริหารแบบมีส่วนร่วม
    • การแสดงความคิดเห็นเกิดข้อขัดแย้งกับฝ่ายบริหาร
    • ก่อให้เกิดกลุ่มอิทธิพล
    • ผู้บริหารกลัวสูญเสียอำนาจ
    • การบริหารงานไม่สามารถใช้กับงานที่เร่งด่วนได้
    • ใช้งบประมาณมาก
    • ความคิดเห็นจากบุคคลภายนอกไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร
    • การไม่เข้าใจหน้าที่มักจะทำให้เกิดการก้าวก่ายหน้าที่ซึ่งกันและกัน


การวิเคราะห์เชิงปฏิบัติ
(SWOT Analysis Workshop)
      คือการวิเคราะห์สำรวจตรวจสอบสภาพภายในองค์กร และสภาพแวดล้อมภายนอก เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการวางแผน
  • S : จุดแข็ง
  • W : จุดอ่อน
  • O : โอกาส
  • T : อุปสรรค

  1. แต่สิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องไม่มองข้ามไปคือ เรากำลังจะเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ ที่อาจจะทำให้บางคนไม่พอใจจากการสำรวจ
  2. จุดอ่อน:W-จุดแข็ง:Sภายในองค์กร และ
  3. โอกาส:O-อุปสรรค:Tภายนอก

SWOT ให้คำตอบอะไรกับเรา
  1. อะไรคือเรื่องหลักที่เราต้องเผชิญในวันนี้
  2. เราจะจัดการกับเรื่องหลักนี้อย่างไร

ข้อสังเกต
  1. บางคนใช้ SWOT เพื่อตั้งคำถามอย่างเดียว
  2. บางคนใช้เหตุผลของ SWOT มองข้ามปัญหาไป

เรามาทำความคุ้นเคยกับ SWOT ด้วยกัน
  • ถ้าคุณมีภารกิจ ที่จะต้องให้บริการที่มีภาพต่อชุมชน ตรงต่อเวลา ข้อมูลน่าเชื่อถือ และมีภาพพจน์ที่ดี
  • มีการกำหนดหน้าที่ และภารกิจให้กับทีมงานทุกคน
  • ภารกิจบรรลุเป้าหมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชน ในการเพิ่มมูลค่า(Value Creativity) และคุณค่าความเป็นอยู่ในชุมชนดีขึ้น

จุดแข็ง : Strengths
ตัวอย่าง
  • งานที่เราถนัด ทำแล้วมีความสุข
  • งานที่โดดเด่นที่ชุมชนชื่นชอบ
  • อะไรที่ชุมชนมีความต้องการให้เราทำซ้ำอีก
  • ทรัพยากร และเครื่องมือที่เรามีความพร้อม

จุดอ่อน : Weaknesses
ตัวอย่าง
  • งานที่เราไม่สบายใจที่จะทำ
  • ความต้องการที่จะรับความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน หรือทักษะบางอย่างที่เรายังไม่มั่นใจ
  • ขาดทรัพยากรในการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย

หมายเหตุ
1.บางทีจุดอ่อนของเรามีความเชื่อมโยงกับจุดแข็ง
2.ยกตัวอย่าง....
นายแดงดี สีใส อ่านหนังสือไม่ออก แต่มีความชำนาญในการสาธิตการกรีดยางพารา

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าการวิเคราะห์ประเมินภายในองค์กรสมบูรณ์ครบถ้วน
     ∆ ด้วยการมองสภาพแวดล้อมภายนอก แล้วพิจารณาว่า องค์กรของเรามีโอกาสประสบความสำเร็จ จากแผนโครงการพัฒนา ด้วยวิธีการทำงานใหม่นี้หรือไม่


เอาละ! ตอนนี้มาดูสิว่าอะไรน่าจะเป็นอุปสรรค : Threats
หมายเหตุ  การมองถึงอุปสรรค T ไม่ใช่ความคิดที่ไม่มีข้อพิสูจน์
ใช่ว่าเรามองจะโลกในแง่ร้าย มากกว่าโอกาส เพราะว่าเราต้องใช้สรรพกำลังที่มีทำให้งานประสมความสำเร็จ โดยอาศัยปัจจัยด้านอื่นๆอีกสามด้าน คือ SWOT

อุปสรรค : Threats
ตัวอย่าง
     ♣ใครคือคู่แข่งขันที่ทำได้ดีกว่าเรา
     ♣ถ้าสภาพแวดล้อมเปลี่ยนจะทำให้แผนโครงการเรามีปัญหา
     ♣ความขัดข้องที่จะเกิดจากเราเอง

สุดท้ายเรามาดู โอกาส : Opportunities
โอกาส : Opportunities
     ▲โอกาสที่กำลังจะเกิดขึ้น ที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ
     ▲มีเครื่องมือใหม่ที่ได้รับการสนับสนุน
     ▲มีช่องว่างทางการตลาดที่เรามองเห็น
     ▲เครือข่ายมีศักยภาพทำให้งานสำเร็จง่ายขึ้น
หมายเหตุ
• โอกาสควรที่จะพิจารณาทั้งในระดับมหภาค(ระดับประเทศ ระหว่างประเทศ) และระดับจุลภาค(ระดับครัวเรียน/ระดับหมู่บ้าน/ระดับตำบล)


สิ่งที่ได้รับและการนำไปประยุกต์ใช้
  1. ได้รับความรู้และแง่คิดดีๆจากคำคมที่เพื่อนๆนำเสนอไป 
  2. ได้ทราบถึงโครงสร้างขององค์กรและการจัดระบบบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย และสามารถนำไปปรับใช้กับตนเองในวันข้างหน้าได้อีกด้วย

ประเมินตนเอง : มาเรียนตรงเวลา แต่งกายมาเรียนถูกระเบียบ
ประเมินเพื่อน : เพื่อนแต่งการถูกระเบียบ มาเรียนตรงเวลา ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม
ประเมินอาจารย์ :  อาจารย์มาสอนตรงเวลา แต่งกายเหมาะสม เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น